แชร์ประสบการณ์ไปเกาหลี แก้จมูกเบี้ยว ตาเศร้า โครงหน้าไม่เท่ากัน Banobagi

แชร์ประสบการณ์ไปเกาหลี แก้จมูกเบี้ยว ตาเศร้า โครงหน้าไม่เท่ากัน

  สวัสดีค่ะ ปุ๊ก นะคะ วันนี้จะมารีวิวการทําศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีค่ะ เล่าให้ฟังก่อนว่าก่อนนี้เนี่ย ปุ๊กมีปัญหาบนใบหน้าอยู่หลายจุดเลย และด้วยอาชีพที่ปุ๊กเป็นนางแบบโฆษณา ต้องใช้ใบหน้าทํามาหากิน ก็อยากจะเป๊ะกว่านี้เนอะ ไปดูกันดีกว่าคะวาหน้ากอนท่ามีปัญหาตรงไหนบ้าง

 

เริ่มจากจมูกค่ะ จมูกนี้ปุ๊กทำมาก่อนเมื่อ 8-9 ปีก่อน ซึ่งนานมากๆแล้ว เห็นได้ชัดเลยมี แกนจมูกเบี้ยวไปฝั่งนึงเลย แต่ถ้าใครไม่สังเกตจะไม่ค่อยเห็น เพราะส่วนใหญ่ที่ปักถ่ายรูปลงเฟส ก็จะอาศัยเอียงข้าง ไม่ถ่ายหน้าตรงๆ กลัวคนทัก 555

จุดถัดมาคือ กรามค่ะ กรามด้านซ้ายปีกมีขนาดที่ใหญ่กว่าด่านขวา คือหน้าสองฝั่งไม่เท่ากันนั่นเอง จมูกเบี้ยวไปฝั่งขวา กรามเบี้ยวไปฝั่งซ้าย โอ็ย แบบนี้ก็ต้องแก้อะเยอะ เพราะคอนข้างเป็นอุปสรรคในการทำงานของปุ๊กพอสมควรค่ะ กราม บานไปข้างนึง

ถัดมาคือโหนกแก้ม มันทำให้หน้าปุ๊กดูมีอายุ ดูโทรมดูแก่กว่าวัย ตาตก ตาเศร้า ดูไม่สดใส โหงวเฮ้งไม่ดีเลย อยากแก้มากๆ และแล้วปุ๊กก็ได้มีโอกาสมาศัลยกรรม โรงพยาบาลบาโนบากิ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีศิลปินดาราของไทยมาทําศัลยกรรมที่นีเยอะมากๆแห่งนึงเลยนะคะ และคุณหมอที่นี่ยังเป็นทีมแพทย์ในรายการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต Let me in Thailand ทีหลายคนอาจจะเคยได้รับชมกันการศัลยกรรมครั้งนี้ของปุ๊กจะเป็นยังไง ไปติดตามกันได้เลยค่ะ…เป็นเนื้อหาของบทความหรือสินค้าโดยละเอียด

การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรม

ก่อนไปศัลยกรรมที่เกาหลีก็ต้องมีการเตรียมตัว หาข้อมูล ทั้งเรื่องการทําศัลยกรรมและการเดินทาง เพราะไม่เคยมาเกาหลีมาก่อนค่ะ
ก่อนหน้าที่จะได้รับเลือก ปุ๊กได้มีโอกาสพบคุณหมอโอ ซัง ฮยอน ซึ่งท่านมาให้คำปรึกษาศัลยกรรมที่ประเทศไทยพอดี คุณหมอก็วิเคราะห์คร่าวๆแล้วว่าเราควรจะทําส่วนใหนบ้าง ข้อมูลนั้นปรึกษารายละเอียด บวกกับรีวิวจากคนอื่นๆประกอบไปด้วย
เพื่อจะได้ทราบว่าขั้นตอนการทําศัลยกรรม อย่างไรบ้าง ซึ่งปีกว่าสําคัญมากๆคะ เราจะได้เตรียมตัว จะเจอกับสถานการณ์ต่างๆ ถ้าเราศึกษาไว้บ้างแล้ว จะได้ช่วยลดความนเด่น ความวิตกกังวลที่อาจจะเกิดขึ้นได้คะ
สําหรับใครอยากปรึกษาศัลยกรรม ส่งรูปใบหน้าให้ที่ปรึกษาศัลยกรรม ANNYEONG AGENCY ส่งวิเคราะห์ใบหน้ากับคุณหมอให้ในเรื่องของอาหารการกิน

ปุ๊กเตรียมโจ๊กสำเร็จรูปจากไทยไปเยอะหน่อย เพราะทานได้เเต่อาหารเหลวๆเพราะปุ๊กมีปรับรูปหน้าและแผลในปากทั้งหมดค่ะ
การแต่งตัว ดูตามสภาพอากาศในช่วงนั้นได้จากเว็บไซต์ accuweather.com
– ยิ่งช่วงใกล้ๆจะแม่นมาก ตอนที่ปีกไปอากาศไม่หนาวไม่ร้อนค่ะ มีเตรียมแขนยาวไปบ้าง นอกนั้นก็สบายๆเหมือนอยู่ไทยค่ะ
นี่ก็เป็นการเตรียมตัวคร่าวๆในการเดินทางมาทำศัลยกรรมที่เกาหลีของปีกคะ เผื่อเป็น
แนวทางให้ใครที่กำลังจะมาทำเหมือนกัน หวังว่าจะมีประโยชน์นะคะ
ตอนต่อไปมาดูขั้นตอนต่างๆที่โรงพยาบาลก่อนผ่าตัด และผ่าตัดแล้วกันนะคะ รอติดตามชมกันด้วยน้ำ

 

1 วันก่อนเข้ารับการผ่าตัด มาถึงเกาหลีกันแล้ว อันยอง

จากนั้นก็ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัดแล้วค่ะ

ผ่าตัดเสร็จแล้ว ไม่แน่ใจว่าเข้าไปกี่ชั่วโมง เพราะหลังจากผ่าตัดเสร็จ เค้าจะต้องรอให้เราฟื้นจากยาสลบอีก แต่พอจะลืมตาและรู้สึกตัวขึ้น น่าจะประมาณ 1 ทุ่ม จากนั้นประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง ก็มีพยาบาล 2 คน มาช่วยกันพยุงเราลุกจากเตียงเพื่อกลับไปยังห้องพักฟื้น ตอนนั้นคือเรายังมึนมากเลย ตาลืมยังไม่ค่อยขึ้นดี เดินเซๆไปถึงห้องพัก

พอไปถึงห้องพักก็จะมีเจ้าหน้าที่ของ รพ. มาเป็นล่ามคอยอธิบายเรื่องการดูแลตัวเองคราวๆ แต่ตอนนั้นเรายังจับใจความไม่ค่อยได้เท่าไหร่เพราะยังมึนหัวมากๆเลย

ตอนนี้ยังจะยังกินอะไรไม่ได้นะคะไป 3 ชม.นะคะ คอแห้งและกระหายนํามากๆก็ต้องทนและห้ามหลับด้วยค่ะ สำหรับเรานี่ยากมากๆ แต่ก็พยายามอดทนจนผ่านมาได้

จากนั้น 4 ทุ่มครึ่ง พยาบาลนำน้ำส้มมาให้ดื่ม อร่อยมากๆๆๆๆ แล้วก็น้ำเปล่า แล้วก็ให้เราบ้วนปากเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ล่ามบอกไว้ว่า หลังจากบ้วนปากด้วยน้ำยาแล้ว ฟันเราอาจะเหลืองได้เพราะน้ำยามีสีเข้ม จึงต้องบ้วนน้ำเปล่าตาม

จากนั้นประมาณ 5 ทุ่มเราก็ปิดไฟนอนแล้ว เรานอนคนเดียวนะคะ ให้แฟนไปนอนที่โรงแรมเพราะในห้องพักฟื้นไม่สะดวกสบายมากนัก เดี๋ยวตอนเช้าค่อยมารับ พอถึงเวลาหลับได้ ดันไม่ยอมจะหลับอีก เฮ้ออ หลับๆตื่นๆไปจนถึงตีสองกว่า ปวดฉี่มากเลยค่อยๆลุกขึ้นแล้วค่อยเกาะเสาน้ำเกลือเด็น เข้าห้องน้ำ ไปขอน้ำเปล่าเพิ่ม และเดินไปเอาแผ่นประคบเย็นมาเปลี่ยน เสร็จเข้านอน และก็ตื่นมาอีกรอบประมาณ 4 กว่าๆ เราก็ทำแบบเดิมซ้ำ ลุกไปเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนแผ่นประคบเย็น กลับมานอน แล้วลุกอีกทีน่าจะประมาณ 5 โมง ทําซ้ำแบบเดิมแล้วกลับเข้ามา สักพักคุณพยาบาลเข้ามาเช็คตอน 7โมง เปลี่ยนแผ่นประคบให้ใหม่ และเพิ่มแผ่นประคบที่ตาเพิ่ม เพราะตาเราเริ่มบวม ประมาณ 8 โมงครึ่ง รับกลับไปพักฟื้นที่โรงแรมต่อค่ะ

1 วันหลังผ่าตัด

จะดูน่ากลัวๆหน่อยนะคะ แต่ไม่ได้เจ็บปวดทรมานแต่อย่างใด มีตึงๆแผล ปวดจี๊ดๆบ้าง เป็นอาการปกติหลังผ่าตัดค่ะ
วันนี้เราจะต้องออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปพักฟื้นที่โรงแรมนะคะ ช่วงเช้าประมาณ 9โมง พยาบาลก็จะเข้ามาถอดสายน้ำเกลือ ทำแผล รวมไปถึงถอดสายเดรนเลือดในปากของเราด้วย ขั้นตอนนี้คือเสียวมาก หลังจากถอดสายเดรนเลือดเราจะไม่สามารถทานอะไรได้ 5 ชม. หลังจาก 6 ชม.แล้ว ถึงเริ่มดื่มน้ำผลไม้ นม และเริ่มบ้วนปากได้เลยคะ

จากนั้นจะมีล่ามการแพทย์มาอธิบายการดูแลตัวเองในช่วงพักฟื้น การใช้ยา ท่าแผลต่างๆ ใครกลัวลืมอัดคลิปไว้ได้เลยนะคะ จากนั้นเราก็เตรียมตัวเก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากโรงพยาบาลได้เลยค่ะ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล เราก็ไปเดินเล่นแถวๆโรงแรมนิดหน่อย การเดินจะช่วยให้บวมน้อยลง แล้วก็แวะมินิมาร์ท ซื้อขนม,น้ำผลไม้ไว้ทาน เพราะวันแรกๆ เราจะยังทานอะไรไม่ได้มากนอกจากเครื่องดื่มน้ำเหลวๆมาตุนไว้ได้เลยค่ะ

ระหว่างอยู่ที่โรงแรม ก็หมั้นบ้วนปาก ล้างจมูก ประคบเย็น ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนํา และทานยาให้ครบทุกมื้อนะคะ

วันที่ 1 หลังผ่าตัด

ช่วงกลางคืนตอนนอน ถือว่าเป็นช่วงที่ทรมานมากสําหรับเรา เพราะอยู่ๆก็เหมือนจะเป็นไม้ มีน้ำมูก เสมหะ และมีไอบ้างเป็นครั้งคราว ปวดตุ๊บๆทั่วหัวทั่วหน้า จนตื่นขึ้นมาทุกชั่วโมงเลย หลังจากตื่นเราก็ถือโอกาสเปลี่ยนแผ่นประคบเย็น และล้างจมูกไปด้วยเลย เพราะมีน้ำมูกออกมาเรื่อยๆ ตื่นตลอดทั้งคืนตั้งแต่ 4 ทุ่ม จนถึง 7 โมงเช้า กว่าจะผ่านนี้ไปได้เล่นเอาจะร้องอยู่เหมือนกันค่ะ

หลังผ่าตัดวันที่ 2

วันนี้หน้าตอนตื่นรู้สึกบวมข้นมานิดหน่อย ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ วันนี้ไม่ได้ออกไปข้างนอกโรงแรมเนื่องจากฝนตกปรอยๆตลอดทั้งวัน และรู้สึกเหมือนจะไม่ค่อยสบาย เลยเดินวนไปมาในห้องแทน

วันที่ 2 หลังผ่าตัด (ก่อนเอาผ้าที่คางออก)

 

ช่วงบ่าย ต้องแกะพลาสเตอร์ตรงคางออก ค่อนข้างแกะยากมากๆทีเดียว เราเอาออยล์
ล้างเครื่องสําอางกันน้ำ ออกง่ายขึ้นเยอะค่ะ เทใส่คอตต้อน แล้วค่อยๆถู หลังๆไม่ทันใจใช้ออย ละเลงใส่นิ้วแล้วค่อยๆ เลยค่ะ ออกแล้วก็เอาทิชชู่เปียกเช็ดอีกทีพวกคราบเหนียวๆ โล่งสบายเลยค่ะ

วันนี้มีเสมหะในสําคออยู่พอสมควร บางทีมันคันคอมากจนไอออกมาไม่รู้ตัว เป็นเสมหะข้นๆปนเลือด และก็มีเลือดใสๆก็ไหลออกมาจากจมูก เสียงวันนี้จะอู้อี้มากเลยเหมือนจะเป็นไข้ อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็นเพราะมีฝนตกปรอยๆ

อาหารที่ทานในวันนี้ค่ะ เป็นนมถั่วเหลือง น้ำส้ม และน้ำผลไม้รวมค่ะ ทานเย็นๆอร่อยสดชื่นดี ช่วง 2-3 วันนี้อาจจะยังทานอะไรไม่ค่อยได้ ทานเป็นพวกน้ำๆแบบนี้ดื่มง่ายดีค่ะ

ลืมบอกเวลานอน เราจะกึ่งนั่งหลับเอานะคะ คือเอาหมอนหนุนหลังไว้ 2 ใบ ด้านหน้ารองหลังอีก 1 ใบ จัดท่าทางให้ลงล็อคก็นอนสบายอยู่นะคะ มีอึดอัดบ้าง ถ้าเมื่อยช่วงล่าง ใช้การสลับพับมาไปมาเพื่อเปลี่ยนท่านอนหัวสูง

หลังผ่าตัดวันที่ 3

วันนี้สามารถแกะผ้าพันหัว และสระผมได้เเล้ว เลยไปใช้บริการสระผมที่ได้คูปองจากโรงพยาบาลมาช่วงเย็นอากาศดี มีออกไปเดินเล่นนิดหน่อยเพื่อออกกำลังกาย สูดอากาศสดชื่นๆ และช่วยให้อาการบวมน้อยลง

แม็คบนหัวแบบนี้ จับไปเจ็บนิดๆ ต้องหมั่นทำความสะอาดทุกวันนะคะ

หลังผ่าตัดวันที่ 4

สังเกตหน้าตัวเองวันนี้ไม่บวม ไม่ค่อยช้ำ มีรอยเหลืองๆบางๆใต้ตา ไม่มีอาการเจ็บปวดอะไร แต่จับไปมีอาการบริเวณผ่าตัดแปล็บๆบ้างเป็นอาการปกติค่ะ

หลังจากตื่นนอนก็ใช้ทิชชู่เปียกเช็ดหน้าเบาๆ เพราะเรายังล้างหน้าไม่ได้ หลังจากนั้น ทานอาหารเช้าเป็นนมถั่วเหลือง กับ น้ำผลไม้ ทานยา และทำตามสเตปเดิมเหมือนทุกวัน บ้วนปาก ล้างแผล ล้างจมูก ทายา
ช่วงบ่ายๆออกไปเดินเล่นแถวกังนัมค่ะ จริงๆเราจะมาเดินตั้งแต่วันที่ 2-3 แล้ว แต่เนื่องจากหลังผ่าตัด มีวันนั้นของเดือนมาพอดี บวกกับอาหารที่ทานเป็นเพียงแค่เครื่องดื่ม ทําให้ร่างกายค่อนข้างเพลีย กลัวจะเหนื่อยเกินไป

เดินจากโรงแรมไปถึงกังนัมประมาณเกือบ 2 กม. เพราะกลัวว่าถ้านั่งรถบัสรถไฟฟ้า คนเยอะๆเบียดกัน อาจจะโดนศอก หรือมีการกระแทกเทือนหน้าเราได้ ต้องระมัดระวังเลยเลื่ยงดีกว่า ช่วงนี้ค่อนข้างเหนื่อยง่ายเพราะทานอาหารได้น้อย เดินไปพักไปค่ะ

วันนี้เดินเยอะมากๆและอากาศค่อนข้างเย็น อาจจะเป็นส่วนช่วยทำให้เราพื้นตัวไวขึ้น เพราะได้ออกกำลังกาย สูดอากาศ เลือดลมไหลเวียนดี ไม่อุดอู้อยู่แต่ในโรงแรม พยายามเดินออกกําลังกายเยอะๆนะคะ

วันที่ 5 หลังผ่าตัด (ก่อนถอดเผือก )

เช้านี้เริ่มทานโจ๊กสําเร็จรูปแล้วนะคะ เพราะเมื่อวานเดินจนหมดแรงจริงๆ ก่อนหน้านี้ขี้เกียจขยับปากเยอะเลยกินแต่นๆ ใครที่พอจะทานได้ตั้งแต่ 3-4 วัน ก็สามารถทานได้เลยนะคะจะได้มีแรงกินโจ๊ก เวลากินใช้ช้อนจิ๋วๆตักกิน ไม่ต้องอ้าปากเยอะนะคะมันตึง

วันนี้เริ่มทานใบบัวบกอัดเม็ดเป็นวันแรก ตอนแรกชั่งใจว่าจะกินดีมั้ย เพราะหน้าเราไม่ค่อยช้ำเลย มีเหลืองนิดๆใต้ตา แต่ซื้อมาแล้วกินเถอะเนอะ เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องอาการฟกช้ำแล้ว ใบบัวบกยังช่วยในการสมานแผล ลดอาการอักเสบ เรากินพร้อมยาเลย เช้า-กลางวัน-เย็น มื้อละ 1 เม็ด
ปุ๊กเลือกยี่ห้อที่เป็นสารสกัดจากใบบัวบกนะคะ เห็นยี่ห้ออื่นจะเป็นผงใบบัวบก ถึงปริมาณจะมากกว่าแต่เราว่า ตัวที่เป็นสารสกัดย่อมเข้มข้นกว่าผง ตัวนี้สารสกัดจากใบบัวบกเม็ดละ 200 มก. ทานง่ายคะ 60 เม็ด ราคา 230 บาท

วันนี้ช่วงบ่ายมีนัดกับทาง ร.พ. เพื่อทําการถอดเฝือกที่จมูกออก แล้วก็คลื่นหน้า ขั้นตอนนี้สบายหน้ามากๆค่ะ มีเจ็บนิดตามจุดที่เรามีแผล ได้เห็นทรงจมูกคร่าวๆแล้ว มีซ้ำๆเหลืองๆเล็กน้อย และยังบวมอยู่นะคะ

หลังจากนั้นก็ไปอบอ๊อกซิเจนในตู้ 20 นาที เหมือนยานอวกาศ 555 ตอนทำจะมีหูอื้อๆ เจ็บๆบ้างนะคะ เจ้าหน้าที่บอกว่าอยากให้ทนหน่อย ซึ่งเราก็เจ็บจริงๆนะ กลืนน้ำก็ยังอี้ออยู่ข้างเดียว แต่พอผ่านไปสักพักเริ่มปกติคะ นอนจนครบเวลาก็เกือบหลับเหมือนกัน

ต่อไปเป็นการฉายแสงค่ะ ทั้ง 2 ขั้นตอนที่กล่าวมาจะช่วยในเรื่องการลดบวม ลดอาการฟกช้ำนะคะ เราก็นอนบนเตียงเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทําการฉายแสงสีเหลืองๆอุ่นๆ เป็นเวลา 20 นาทีหลับได้เลยค่ะตอนนี้

จากนั้นก็ไปใส่เฝือกที่จมูกใหม่นะคะ เนื่องจากมีการตกแต่งกระดูกข้างจมูก การใส่เฝือกตัวนี้จะช่วยประคองจมูกไว้ค่ะ เค้าจะใช้วัสดุแผ่นๆทําให้อ่อนลงด้วยความร้อน แล้วนานบนจมูกเรา จะรู้สึกอุ่นๆ เหมือนเป็นการพิมพ์เฝือกขึ้นใหม่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะตกแต่งให้เข้ารูปทรง และแปะกลับลงไป จมูกของเราโดยใช้พลาสเตอร์ยัดไว้

หลังผ่าตัด วันที่ 6

ใต้ตายังมีรอยขาเหลืองๆบางๆ อีกไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้วค่ะ ช่วงกรอบหน้าที่ยังบวมๆต้องใช้เวลาให้ อีกนานพอสมควรนะคะ เดี่ยวทาง ร.พ. จะมีผ้ารัดหน้ามาให้ จะได้กระชับเนื้อที่ย้อยๆบวมๆให้เข้ากรอบหน้าเรามากขึ้นค่ะ
ช่วงนี้ยังทานอะไรไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ ทานได้แค่น้ำกับโจ๊กสำเร็จรูป ปากอ้าได้น้อยมากค่ะ บดเคียวอะไรแทบไม่ได้เลย สั่งราเมนมากินได้แต่น้ำกับเล่น 2-3 เส้น ฮือออ
มีเมนูอร่อยมานาเสนอค่ะ เพื่อเป็นทางเลือกให้ทาน ตัวนี้เป็นโรลครีมสด น่าจะเป็นครีมชีสนะคะ รสออกมันๆเค็มๆนิดๆ เอาตัวแป้งแข่กับนมสดกินด้วยกันอร่อยดีค่ะ
ช่วงบ่ายไปเดินเล่นฮงแด เดินเยอะๆจะได้ยุบไวๆ ถ้าจะออกไปเที่ยวแล้วกลัวเขิน ใช้แมสปิดอำพรางไปก่อนก็ได้คะ
ปิดท้ายด้วยรูปจากฮงแด แอบเอาเฝือกออกตอนถ่าย ปิดแมสสักนิด อัพรูปลงเฟซไม่มีใครรู้เลยว่าแอบมาทำหน้า

วันที่ 7 หลังการผ่าตัด

วันนี้นัดกับทางร.พ. เพื่อ check up ก่อนกลับไทย และมีตัดไหมที่จอนข้างหูทั้งสอง เช็คแผลที่จมูก หลังหู ฉายแสงลด20นาที x-ray และ Ct-scan ถ่ายรูปอัพเดท

รวมไปถึงพบคุณหมอโอ ซึ่งเป็นคุณหมอที่ปรับโครงหน้าให้เรา คุณหมอก็อธิบายว่าตัดตรงไหน ยุบตรงไหนไปบ้าง รวมถึงฝากว่า อย่าให้น้ำหนักเพิ่ม!!! 55555 คุณหมอบอกเราว่าต้องช่วยกันนะ สิ่งที่เราทำไปจะได้บังเกิดผลที่ชัดเจน
หลังจากพบคุณหมอแล้ว น้องล่ามก็เอาผ้ารัดหน้ามาให้ พร้อมอธิบายวิธีการใส่ และระยะเวลาที่เราจะต้องรัดและพักหน้า ต้องรัดหน้าไป 2 เดือนเต็มๆค่ะ

วันที่ 8 หลังผ่าตัด

ถึงไทยช่วงเช้าตอนตี 5 กลับถึงบ้านจัดการเก็บข้าวของ 6 โมงออกไปตลาดหาของกินต่อจะได้ทานข้าวเช้า ทานยา และจะไปสัก 3-4 ชั่วโมง เพราะบนเครื่องแทบจะไม่ได้นอนเลย

จัดน้ำมะพร้าวน้ำหอมสดๆจะได้ช่วยยุบบวมไวขึ้นรอยเหลืองได้ตาแทบจะไม่เหลือแล้ว หน้าก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้น มองเผินๆเหมือนไปผ่าฟันคุดมาสองข้าง ตื่นเต้นๆๆ อยากยุบบวมไวๆ การรัดผ้าจะมีตารางจากทาง รพ. ลงมาให้นะคะ ว่าเราต้องรัดกี่นาที พักกี่นาที และห้ามร้ดตอนนอน ตอนรัดก็จะมีเจ็บหูบ้าง เพราะเราผ่าตัดเอากระดูกหลังหูมาใช้ในการทําจมูกด้วย เวลาใส่ก็ขยับๆให้เข้าที่ แปะช่วงคาง รัดให้ลึกหน่อย ผ้ามันจะได้ไม่ไปโดนตรงหลังหูมากค่ะ

หลังผ่าตัด วันที่ 9

อาการบวมๆดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ หมั่นรัดผ้าตามที่ทาง รพ.แนะนำ ผิวจะได้กระชับเข้าที่ไวๆ รอยช้ำจางไปหมดแล้ว

วันนี้นั่งทำตารางสำหรับรัดผ้าเองด้วยค่ะ ใช้ word ทำง่ายๆแบบคนอ่อนคอม 5555 เอาแบบที่เราสะดวกเลย ใช้ดินสอตึกไว้จะได้ไม่ลืมว่าทำถึงไหนแล้ว
สู้ๆนะ ต้องรัดไป 2 เดือนเต็มเลย 

 

หลังจากผ่านมา 9 วัน ที่ผ่าตัดมาและไม่ค่อยได้กินอะไรเลย เลยนึกขึ้นได้ว่าน่าจะลองชั่งน้ำหนักดู ปรากฏว่าน้ำหนักลดไปเกือบ 2 kg. จากที่ชั่งตอนก่อนขึ้นเขียง เอ้ยย ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ชั่งได้ 53.9 kg. ผ่านมา 9 วัน น้ำหนักเหลือ 52.2 kg. ลดไป 1.7 kg. ถึอว่าลดไม่มากนะคะ อาจจะเป็นเพราะอาหารที่ปุ๊กทานเป็นจำพวกนม โยเกิร์ต น้ำผลไม้ อาหารพวกนี้น้ำตาลเยอะมากๆ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ นมเปรี้ยว มันเลยทำให้น้ำหนักลดไม่มาก หลังจากนี้จะพยายามเลือกอาหารที่เน้นโภชนาการมากขึ้น คุมโซเดียม คุมน้ำตาลให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการลดน้ำหนักไปในตัวค่ะ ไหนๆก็ทานอะไรไม่ค่อยได้แล้ว หน้าต้องเรียว หุ่นต้องเพรียวไปด้วย ^^

วันที่ 10 หลังการผ่าตัด

วันนี้มีนัดตัดไหมในจมูก หลังหู และเอาแม็คบนหัวออก

แต่เนื่องจากเรากลับไทยมาแล้ว จึงต้องไปตัดไหมที่ไทย ทางบาโนบากิจะออกเอกสารการตัดไหมให้ แล้วให้ปุ๊กเอาไปยืนตัดไหมที่รพ.ที่สะดวกในไทย ตัดไหมเสร็จแล้ว ความรู้สึกคือ เจ็บ 5555 เนื้อในจมูกมันอ่อนๆ เวลาแหย่เครื่องมือตัดไหม มันจะเสียวๆ น้ำตาเล็ดไปหลายรอบ เพราะไหม คุณหมอใช้เย็บค่อนข้างแข็ง และเย็บเข้าไปลึก (ในรูจมูก ) ส่วนด้านหลังหูจะง่ายหน่อย เจ็บจี๊ดๆทนไหว มาที่แม็คบนหัว เจ็บเหมือนกันค่ะ แต่เจ็บแบบทนได้ เจ้าหน้าที่ที่ตัดไหมให้บอกว่ายังมีไหมในปากที่เจ็บกว่านี้ ใครไม่ร้องให้ถีบ 5555 ไม่อยากจะคิดถึงตอนมาตัดเลย แค่ในจมูกยังร้องเลย จากนี้สามารถสระผมได้เลยค่ะ อย่าลืมเป่าผมให้แห้งสนิทนะคะ

หลังผ่าตัดวันที่ 11

วันนี้ออกไปซื้อของกินตุนไว้ รอบนี้พยายามลดน้ำตาลให้น้อยลง แต่ยังเน้นไปที่รสชาติที่ชอบนะคะ จะไม่ฝืนจนเกินไป เพราะแค่ทานอาหารอื่นไม่ได้ก็ค่อนข้างเครียดแล้ว เรื่องลดน้ำหนักเลยเอาแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ

1.นมถั่วเหลืองแบบขวดค่ะ เก็บได้หลายวันหน่อย เผื่อวันไหนไม่ได้ไปตลาด จะกินแบบขวดแทนค่ะ น้าตาลพอประมาณ ปริมาณ 280 มล. ราคาขวดละ 20 บาทค่ะ ชื่อที Home fresh mart นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากนะคะ โดยเฉพาะผู้ที่ผ่าตัด หรือทำศัลยกรรม มีส่วนช่วยฟื้นฟูร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ให้พลังงาน มีโปรตีนสูงทดแทนเนื้อสัตว์ที่เราจะยังเคี้ยวไม่ได้ในช่วงนี้ค่ะ

2.โยเกิร่ตจากนมถั่วเหลือง นํ้าตาลแค่ 5 กรัม เทียบกับโยเกิร์ตตัวอื่นทีท่าจากนมวัว นํ้าตาล 10 กรัม ขึ้นไปทั้งนั้นเลย รสชาติดีเลยค่ะ กลิ่นนมถั่วเหลืองชัดเจน ไฟเบอร์สูง ไว้ทในระหว่างวันเวลาหิวได้ดี ปริมาณ 130 มล. ราคา 20 บาทค่ะ

3.นมอัลมอนด์ที่อยากแนะนำา ^^ ยี่ห้อ อร่อยดีค่ะ ตัวนี้เป็นรสจืดแต่ทานง่ายมากๆ ชอบรสนี้ที่สุด ที่สําคัญ 25 แคลเอง รสอื่นๆก็อร่อย ที่เคยกินมีรสหวาน ชาเขียว วนิลลา ช็อคโกแลต ลองดูนะคะ


4.เหล่าบรรดาน้ำมะพร้าวไว้ทานลดบวม แต่บางตำราบอกไม่ช่วย แหะแหะ เป็นแบบน้ำล้วนๆ เพราะเดี๋ยวเนื้อไม่ค่อยได้ค่ะ ขวดแรกซื้อแถวตลาด ปริมาณ 250 มล. ราคา 25 บาท น้ำผลไม้คั้นสด ปริมาณ 300 มล. ราคา 39 บาท  สุดท้าย coco max ซื้อตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ปริมาณ 350 มล. ราคา 25 บาท
พูดถึงของกินแล้ว อัพเดทอาการช่วงปากหน่อยแล้วกันค่ะ ตอนนี้อ้าปากยังไม่ค่อยได้จะได้อ้าประมาณซ่อนเล็กเข้าปากเท่านั้น ถ้าอ้ากว้างเกินจะรู้สึกตึงๆ มีความลึกของกราม การเคี้ยว ยังไม่มีแรงบดเคี้ยวอาหารหนักๆ ทานได้เป็นข้าวต้มปลา ปลาพอเคี้ยวๆได้ค่ะ โจ๊กหมูบดๆๆให้หมูละเอียดแบบไม่ต้องเคี้ยว ช่วงนี้ก็พยายามทานให้หลากหลายมากขึ้น ใจอยากกินผัดกระเพรา ต้มยำแล้ว > < อดทนๆเพื่อความสวย

หลังผ่าตัด วันที่ 12

 

ตอนเช้าอยู่บ้านทั้งวัน ก็รัดผ้าวนไปค่ะ มาลองเปรียบเยบช่วงตาให้ดูดีว่าทำเอนโดไทน์แล้วมันดีขนาดไหน พร้อมยางง ว้าววมันดูดีขึ้นมากเลย ดูสดใสอ่อนเยาว์ลง จากตาสองชั้นหลบใน ตอนนี้ชั้นตาชัดขึ้น

หลังผ่าตัดวันที่ 13

แผลจากการเอนโดไทน์ที่ซ่อนอยู่ในไรผม แสกผมปิดไม่เห็นแล้วค่ะ

ความรู้สึกบนหัวเป็นยังไงบ้าง ?? ชามั้ย ??
ปีกก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มาหัวมากนะคะ จับไปก็มีความรู้สึกเหมือนปกติ ช่วงกลางหัวมีชาๆบ้าง แต่นิดเดียวเท่านั้น แผลบนหัวก็ยังคงทำความสะอาดเหมือนทุกวันค่ะ ใช้คอตตอนบัดจมน้ำยาเช็ดๆ ซื้อครีมทารอยแผลเป็นมารอแล้ว Mederma เวลามีแผลที่ไร ต้องตัวนี้มาทารอยแผลหลังหูอีกซัก 2-3วันค่ะ

วันที่ 14 หลังการผ่าตัด

วันนี้มีนัดตัดไหมในปากค่ะ ภาวนาขอให้ไม่เจ็บมากนะ ความรู้สึกตอนตัดไหมในปาก บริเวณตรงกระตุ้มแก้ม เหงือกด้านบนไม่เจ็บมากนะคะ เจ็บแบบทนได้

ส่วนใหญ่จะเสียวไปเองจนเกร็ง แต่ช่วงคางนี้ขอบอกเลยค่ะว่าเจ็บมาก พอแหย่เครื่องมือไปโดนปีบ ร้องออกมาเองโดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ พอเค้ากำลังจะตัดก็รู้สึกเจ็บมาก ร้องไห้เลย โชคดีที่พี่คนตัดไหมเค้าใจดีมาก ค่อยๆตัดอย่างใจเย็น และหยุดพักให้เราหายใจหายคอ ซับน้ำตาเป็นระยะๆ ความรู้สึกให้นึกถึงตอนเป็นร้อนในในปาก แล้วเผลอเอาช้อนกระแทกไปโดนอะค่ะ มันสะดุ้งเลย ซี้ดมากช่วงคางนะคะ หลายคนบอกว่าตรงนี้เจ็บเพราะเส้นประสาทเยอะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า เจ้าหน้าที่ที่ตัดไหมเค้าบอกว่าคุณหมอเย็บแน่นมาก ไหมแทบจะจมไปอยู่ในเนื้อเหงือกแล้ว เลยจะค่อนข้างจะตัดยาก จะเจ็บหน่อย ตัดเสร็จชาไปหมดทั้งปากเลยค่ะ

ผ่านมา 2 อาทิตย์แล้ว

โดยรวมอาการดีขึ้นมากๆแล้วค่ะ เหลือช่วงกรามที่เราต้องรอให้ยุบบวมและกระชับเข้าให้มากกว่านี้ จมูกก็ยังบวมอยู่ช่วงปลายๆค่ะ ยังอ้าปากได้ไม่เยอะค่ะ เวลากินข้าว จะเอาช้อนเข้าปากมันก็จะติดฟัน ต้องใช้ช้อนเล็กๆ ใส่อาหารให้แบนๆหน่อย แล้วค่อยๆใสปาก แรงบดเคี้ยวยังไม่ค่อยมีค่ะ เพราะอ้าปากได้น้อยนี่แหละ 14วัน อ้าปากได้เท่านี้ค่ะ ใช้แปลงสีฟันเด็ก เลือกที่หัวแปลงเล็กๆยาวๆนะคะ เวลาแปรงฟันกรามซี่ในสุดจะได้แปรงถึงค่ะ ค่อยๆบรรจงแปรงเบาๆ นาที อยากแปรงฟันมาก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 5555 ตามซอกร่องเหงือกต่างๆ ที่เราแปรงไม่ถึง อาจจะใช้น้ำยาบ้วนปากสูตรอ่อนโยนบ้วนตามเพื่อความสะอาด มากขึ้นค่ะ

ช่วงที่ยังทานอาหารปกติไม่ได้ ปุ๊กพยายามหาเมนูที่กินง่ายๆ มาสลับๆกินเพื่อจะไม่เบื่อ เพราะเมนูหลักยังเป็นข้าวต้ม โจ๊ก เพราะกินง่ายไม่เมื่อยกราม กินจนเบื่อ

ด้านล่างนี้เป็นเมนูทีปุ๊กทานช่วงนี้ เพื่อจะได้เป็นทางเลือกสําหรับคนที่จะต้องผ่าตัดช่วงกรามแบบปิกนะคะ
•มันบด KFC / Texas ฟินมากคะ กินแต่พอดีนะคะ มันเค็มเดี่ยวหน้าบวม ><
•น้ำเต้าหู้นมสด ใส่เนื้อเต้าฮวย แบบหวานน้อย
•เนสวีต้า มีหลายรสชาติค่ะ อิ่มเบาๆ ทานมื่อเช้าเวลารีบๆ
• ซุปขันปู ซุปครีมเห็ด ซุปครีมข้าวโพด ที่ขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวโซนสลัดบาร์
• เนื้อปลา งซีอิ๊ว นึ่งบ๊วย นิ่งมะนาว ย่างเนย ย่างเกลือ พริกไทยค่า
• ไข่ลวก ไข่ ไข่คน เมนูมาตรฐาน
• เต้าหู้ทรงเครื่อง ใช้เป็นเนื้อปูหรือหมูสับละเอียดๆ ทานกับข้าวสวยหุงนิ่มๆ
• ห่อหมกเนื้อปลาแบบเผ็ดน้อยๆ
• ไอศครีมหลากรส กินเป็นของว่างเวลาเซ็งๆ ของหวานเนียช่วยได้เยอะเลย
• สมูท ผลไม้รวม เอาผลไม้แช่แข็ง เช่น มะม่วง สตรอเบอร์รี่ กีวี่ กล้วย ปั่นรวมกัน ใส
โยเกิร์ตด้วยก็ได้ค่ะ ดื่มเย็นๆสดชื่นมาก
• บัตเตอร์เค้กทานกับนม โอวัลติน โกโก้อุ่นๆ
• ขนมหวาน กล้วยไข่เชื่อมนิ่มๆราดกะทิ/ขนมหม้อแกง / ขนมครก/ตะโก้เผือก

ครบ 1 เดือน

วันนี้เป็นวันแรกที่จะเริ่มฝึกอ้าปากนะคะ เพราะเราตัดกรามไป กล้ามเนื้อในตรงนี้จะแข็งตัว ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกอ้าปากค่ะ
การฝึกอ้าปาก จะเป็นการใช้นิ้วกดบริเวณเขียวฟันล่าง ส่วนนิ้วโป้งกดขึ้นบริเวณฟันเขี้ยวบน อ้าปากให้กว้างกดค้างไว้ 20 วินาที เป็นจํานวน 20 รอบ ท่าเช้าเย็น

หลังฝึกวันแรก เห็นผลเลยว่าอ้าปากได้มากขึ้น เพราะตอนแปรงฟันจากปกติที่แปรงฟันซี่ในสุดปากจะตึงปวดมาก หลังฝึกแค่วันเดียวมันไม่ถึงแล้ว ทานข้าวก็สะดวกขึ้น แปรงฟันก็สะดวกขึ้นมาก ช่วงนี้ทานข้าวปกติแล้วค่ะ ค่อยๆลองทานลองเคี้ยวอาหารที่เคยกินดู การเคี้ยวดีขึ้น
เยอะมาก แต่ต้องตัดเป็นค่าเล็กๆ

หน้ากระชับขึ้นเรื่อย จะบวมหน่อยช่วงเช้า โดยรวมแล้วถือว่าดีมาก บวมช้ำน้อยมาก ทุกอย่างเข้าที่ไวกว่าที่คิด

2 เดือนหลังผ่าตัด


วันนี้ครบ 2 เดือนแล้ว หลังจากผ่าตัดมา อัพเดทอาการกันสักนิด เริ่มจากจมูก เข้าที่ดีแล้วน่าจะ 90-100% แล้วล่ะ ทรงสวยไม่โป๊ะ ฐานจมูกเรียวลงมาก จากเดิมที่ฐานใหญ่ หน้าจะดูแมนๆแข็งๆ ตอนนี้ละมุนแล้วจ้า

ใบหน้าช่วงกรามยังบวมอยู่ ฝั่งซ้ายจะบวมกว่าเล็กน้อย เพราะกรามใหญ่กว่าฝั่งขวา รอเวลายุบบวมเข้าที่อีกนิด
การอ้าปาก ขยับปาก เคี้ยวอาหาร ยังไม่เป็นปกติ 100% นะคะ แต่ก็อ้าได้กว้างมากขึ้น คิดว่าประมาณ 70% แล้วล่ะ

เวลาหาวจะตึงๆที่กรามและโหนกแก้มนิดๆ แต่ไม่เจ็บนะคะ แปรงฟันเป็นปกติแล้ว แปรงถึงฟันกรามซี่ในสุดได้สบาย ใช้แปรงผู้ใหญ่ได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ
แผลจากการเอนโดไทน์บนศีรษะ จุดนี้จะมีผมที่ร่วงๆบริเวณรอบแผล จะแหว่งๆหน่อย
รอเวลาอีกนิดผมจะขึ้นเป็นปกติ ระหว่างนั้นปุ๊กต้องทำงาน มีการแต่งหน้าทำผมเพื่อถ่ายงาน ก็จะใช้ครีมที่เค้าไว้ปิดไรผมมาปิดจะช่วยได้มากค่ะ แล้วก็แสกผมกลบๆสักนิด มองผ่านๆไม่สังเกตเห็น

เทียบหน้าสด ก่อนทำ-หลังทำ 60 วัน ตาสดใสขึ้น ไม่ดูเศร้าเหมือนเดิมเเล้ว มีแค่ 2 เดือนยังได้ขนาดนี้

 3 เดือนหลังผ่าตัด

ตัดผมสั้นรับหน้าใหม่กันไปเลย > <
พอหน้าดูเด็กลง อะไรที่เคยอยากทำมานาน อย่างตัดผมสั้น ก็กล้าตัดขึ้นมาทันที เพราะมั่นใจขึ้นแล้ว
การขยับปาก อ้าปากเป็นปกติ 100% ไม่ตึงเวลาหาว เคี้ยวอาหารเหนียวๆได้ปกติ
ใบหน้าช่วงกรามช่วงแก้ม ยังมีหย่อนๆไม่กระชับอยู่บ้าง เนื้อใต้คางยังมีห้อยนิดๆ แต่เล็กน้อยมากค่ะ โดยปกติจะเข้าที่ดีคงต้อง 6 เดือนขึ้นไป
รู้สึกปกติ ใครก็ทักว่าดูเด็กลง หน้าตาสดใสมีชีวิตชีวา ถ่ายรูปมุมไหนก็รอด ชอบมากๆๆ

4 เดือน

วันนี้มา follow up ติดตามอาการกับคุณหมอโอ ที่บาโนบากิ คุณหมอบอกว่าผลลัพธ์ออกมาดีมาก แต่ยังเข้าที่ไม่สุด ประมาณ 1 ปีหลังผ่าตัดจะเข้าที่สมบูรณ์กว่านี้อีก งดทานอาหารเค็มๆจะช่วยให้ยุบเข้าทีเร็วขึ้น นี่ขนาด 4 เดือนเอง ส่วนตัวพอใจมากๆแล้วค่ะ การบดเคี้ยวเหมือนเดิมแล้ว100% โหนกแก้มแตะแรงๆรู้สึกเเปล็บเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

 5 เดือน

ปรับโครงหน้า แก้จมูก เอนโดไทน์หน้าผาก Before After 5 เดือนหลังผ่าตัด Before-After พลีชีพ > < เหมือนแม่กับลูก 55555
สังเกตชั้นตาระหว่าง Before กับ After ต่างกันเลยนะคะ มีชั้นตาขึ้นมาเลยโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดกรีดตาสองชั้น ใช้การเอนโดไทน์หน้าผากอย่างเดียวเลยค่ะ
โครงหน้าโดยรวมยังต้องรอยุบลงไปอีกนะคะ แค่ 5 เดือนยังรู้สึกว่าหน้าเล็กมากๆแล้ว
จมูกที่ทำมาก็ชอบมากๆ ใครเห็นก็ชมและถามว่าทำที่ไหน ดูเป็นธรรมชาติ และทรงสวยเข้ากับหน้ามากๆ

ครบ 6 เดือนหลังผ่าตัด

ครบ 6 เดือนแล้วววว

ที่ปักได้ไปแก้จมูกเวลาผ่านไปเร็วมาก ปรับโครงหน้าและเอนโดไทน์หน้าผากที่โรพยาบาลบาโนบากิ ตอนนี้อาการบวมยุบเข้าที่หมดแล้ว ตั้งแต่ทําหน้ามา ส่องกระจกทีไรก็ปลื้ม โอ้ยชอบมากหน้าดูพุ่งขึ้นมาเลย หน้าละมุนยอมฝีมือคุณหมอเกาหลีจริงๆเลยค่ะ

 

ร.พ. มาตรฐานสากล เราคัดศัลยแพทย์ฝีมือระดับประเทศ (Let Me in) แก้ปัญหาตรงจุด ละมุนทุกองศา นวัตกรรมเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัย

ทีมเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการดูแลลูกค้า ประจำการคอยสแตนบายดูแลคุณอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถรองรับลูกค้าไปศัลยกรรมได้เป็นจำนวนมาก

ANNYEONG AGENCY ให้มืออาชีพดูแลคุณ
มาตรฐานการดูแลลูกค้าผ่าตัด ก่อน-หลังพักฟื้น-กลับไทยอย่างสวัสดิภาพ
เราคัด ร.พ.ที่ดีที่สุดให้คุณ จาก 30 รพ.มาตรฐานในเครือ
แก้ปัญหาถูกจุด ส่งรูปให้คุณหมอ Let Me in วิเคราะห์ใบหน้าให้เรานะคะ

ทำไมไปกับอันยองเอเจนซี่ถึงถูกกว่าไปเอง ?
โปรตรง รพ.ไปกับอันยองเอเจนซี่มีที่ปรึกษาดูแล ได้ Full Service
สิ่งที่คุณลูกค้าจะได้รับมีดังนี้ค่ะ :
รับสิทธิพิเศษทันที
บริการดูแลทุกขั้นตอน ก่อน-หลัง-พักฟื้นโรงแรม-สนามบิน
พยาบาลดูแลตลอด 24 ชม.
ทีมงานANNYEONGดูเเลตลอดที่เกาหลี
เอกสารยืนยันการผ่าตัด
ล่ามจาก ร.พ.
ล่ามศัลยกรรมการแพทย์ ดูแลส่วนตัว
พนักงานต้อนรับตั้งแต่ Gateสนามบิน ,พาเช็คอินโรงแรม
รถรับ-ส่ง ส่วนตัว
ประกันเดินทาง คุ้มครอง 1.5 ล้านบาท
ตรวจร่างกาย
พาไปผ่าตัด
พาไปโรงแรม
พาไปล้างแผล ตัดไหม ลดบวม ซื้ออาหาร เที่ยว-ช๊อปปิ้ง
ส่งสนามบินกลับประเทศไทย
Tax Refund
Welcome Dinner มื้ออาหารสุดพิเศษ
ฉายแสง ลดบวม ทรีตเมนต์
ยาทานหลังผ่าตัด
อาหารลดบวม
ทรีทเม้นท์ อื่นๆ
โรงแรม สูงสุด 7-14 วัน
ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (โปรตามยอดผ่าตัด)
ตามเงื่อนไขกำหนด

#annyeongagency #เอเจนซี่ศัลยกรรมเกาหลีannyeongagency #ศัลยกรรมเกาหลีราคาannyeongagency #อันยองศัลยกรรมเกาหลี
#เคสรีวิวผู้ใช้บริการจริงannyeongagency #ศัลยกรรมเกาหลีannyeong #รีวิวศัลยกรรมเกาหลีannyeong #ศัลยกรรมเกาหลีราคาannyeongagency #oppameannyeong #banobagiplasticsurgeryANNYEONG #โรงพยาบาลบาโนบากิannyeongagency

 

Visitors: 659,054